ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์
อุปกรณ์อินพุต (Input Device)
อุปกรณ์อินพุต เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่รับข้อมูลและคำสั่งเข้าสู่คอมพิวเตอร์ โดยจะนำลักษณะของข้อมูลที่ถูกอินพุตเปลี่ยนไปเป็นสัญญาณที่คอมพิวเตอร์เข้าใจ การใช้อุปกรณ์ต่างๆนั้น โปรแกรมที่ใช้งานอยู่จะต้องสนับสนุนกับอุปกรณ์ประเภทนั้นด้วย ตัวอย่างของอุปกรณ์อินพุตได้แก่ คีย์บอร์ดหรือแป้นพิมพ์ เมาส์ ปากกาอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องสแกน เครื่องอ่านบาร์โค้ด สำหรับการใช้งานอุปกรณ์รับข้อมูลบางชนิดนั้น จะต้องมีการติดตั้งโปรแกรมไดรเวอร์ของอุปกรณ์ชนิดนั้นไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้เครื่องรู้จักด้วย
คีย์บอร์ด (Keyboard)

คีย์บอร์ดเป็นอุปกรณ์ป้อนข้อมูลหรือคำสั่งที่นิยมใช้งานกันมากที่สุด และเป็นอุปกร์อินพุตแบบดั้งเดิมที่ทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์มานาน โดยเฉพาะการพิมพ์ข้อมูล สร้างเอกสารต่างๆ รวมถึงกลุ่มคีย์พิเศษที่สามารถทำงานร่วมกับโปรแกรมได้ คีย์บอร์ดนี้นับว่าเป็นอุปกรณ์อินพุตที่คอมพิวเตอร์จะขาดไม่ได้
คีย์บอร์ดของคอมพิวเตอร์โดยทั่วไปแล้วจะมีคีย์ตั้งแต่ 101 ถึง 105 คีย์ ประกอบด้วยกลุ่มคีย์อักขระ(alphanumeric key) ซึ่งเป็นคีย์ตัวอักษรมาตรฐานที่ใช้งานทั่วไป คีย์ตัวเลข (numeric key) ใช้สำหรับป้อนตัวเลขให้สะดวกขึ้น คีย์ฟังก์ชัน (function key) เช่นF1 ถึง F12 ใช้สำหรับงานเฉพาะอย่างที่โปรแกรมกำหนดขึ้น คีย์เคลื่อนย้ายเคอร์เซอร์ไปยังตำแหน่งต่างๆ บนจอภาพ และคีย์พิเศษ เช่น Esc,PrintScreen เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีคีย์บอร์ดที่ออกแบบมาเป็นพิเศษให้เหมาะกับการใช้งานในลักษณะต่างๆ เช่น Window key เป็นคีย์เสริมเพื่อให้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งจะมีคีย์ลัดสำหรับเข้าสู่การทำงานฟังก์ชันต่างๆ ของวินโดว์ เช่นควบคุมเมนู เข้าสู่เมนู Start เป็นต้น นอกจากนี้ยังใช้ควบคุมอื่นๆเช่น ปรับความดังเสียง เปิดเว็บ เป็นต้น คียืบอรืดแบบพิเศษอีกหนึ่งแบบได้แก่ คีย์บอร์ดสำหรับเล่นเกมส์ (gaming keyboard) ซึ่งออกแบบมาให้เล่นเกมส์บนคอมพิวเตอร์ได้สนุกสนานมากขึ้น
คีย์บอร์ดนั้นจะเปลี่ยนข้อมูลที่มีการกดคีย์เข้าไปให้เป็นรหัสที่คอมพิวเตอร์เข้าใจ การกดคีย์แต่ละคีย์ข้อมูลจะไม่ได้เข้าสู่หน่วยประมวลผลโดยตรง คียืแต่ละคีย์จะมีรหัสประจำคีย์เรียกว่ารหัสสแกน (scan code) เมื่อมีการกดคีย์ วงจรควบคุมบนคีย์บอร์ดจะส่งค่ารหัสสแกนของคีย์ที่กดให้ไปเก็บยังหน่วยความจำชั่วคราว (keyboard buffer) จากนั้นจะมีการส่งสัญญาณไปบอกระบบปฏิบัติการหรือบอกซีพียูว่ามีการกดคีย์แล้ว ก็จะขึ้น หากหน่วยความจำชั่วคราวนี้เต็มจะส่งเสียงบี๊ปๆ ออกมา การที่ระบบใช้วิธีการตรวจสอบค่ารหัสที่สแกนนี้จะทำให้ระบบรับรู้คีย์ได้ทุกคีย์ ไม่ว่าจะุเป็นการกดคีย์เดียว ปล่อยคีย์ หรือกดคีย์พร้อมกันมากว่าหนึ่งคีย์
เมาส์ (Mouse)

เม้าส์เป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้ชี้ตำแหน่งต่างๆบนจอภาพได้ ในสมัยก่อนการป้อนคำสั่งและข้อมูลให้กับคอมพิวเตอร์จะใช้เพียงคีย์บอร์ดเท่านั้น แต่พอมีการพัฒนาเชื่อมต่อกับผู้ใช้แบบกราฟิกหรือ GUI และมีโปรแกรมด้านกราฟิกเช่นโปรแกรมวาดภาพเกิดขึ้น เมาส์จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคอมพิวเตอร์นั้นแต่เวลานั้นเป็นต้นมา โดยเมาส์จะเป็นอุปกรณ์รับข้อมูลที่ใช้ชี้ตำแหน่งบนจอภาพ ใช้เลือกข้อมูลบนจอภาพ เมื่อมีการใช้งานเมาส์จะมีตัวชี้ขึ้นมาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เรียกว่า ตัวชี้เมาส์ (mouse pointer)
การใช้งานเมาส์หรือการกดปุ่มเมาส์ที่เรียกว่าการ คลิก (click) การคลิกปุ่มด้านซ้ายมือหนึ่งครั้งจะแสดงถึงการเลือก แต่ถ้าหากเป็นการคลิกสองครั้งติดๆกันหมายถึงการสั่งให้ประมวลผล ถ้ามีการกดปุ่มเมาส์ทางซ้ายค้างไว้แล้วมีการเลื่อนเมาส์เรียกว่าลากหรือ
แดรกกิ้ง(dragging) การทำงานแบบนี้ทำให้สามารถเลื่อนตำแหน่งบนวัตถุของจอภาพได้ แต่ถ้าเป็นการคลิกปุ่มทางขวามักจะเป็นการให้แสดงเมนูพิเศษของโปรแกรมที่กำลังใช้งานอยู่
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ที่ใช้ชี้ตำแหน่งบนจอภาพที่ทำงานคล้ายกับเมาส์อีกหลายชนิด เช่น แทรกบอล (track ball) ทัชแพด (touchpad) พ้อยติ้งสติ๊ก (pointing stick)
ปากกาอิเล็กทรอนิกส์

เป็นปากกาที่ออกแบบมาสำหรับเขียนข้อมูลลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยจะใช้เขียนลงบนจอภาพพิเศษที่่ออกแบบมาพร้อมกับปากกานี้ โดยคอมพิวเตอร์สามารถรับรู้ความเคลื่อนไหวและทิศทางการเขียนได้ นอกจากนี้ยังมีอุปกร์พิเศษอีกประเภทหนึ่งที่ใช้ป้อนข้อมูลเข้าเครื่อง PDA เรียกว่า สไตลัส (stylus) ซึ่งมีลักษณธคล้ายปากกา สามารถป้อนข้อมูลและเลือกเมนูต่างๆได้
สแกนเนอร์

เป็นอุปกรณ์ที่รับข้อมูลแบบเอกสารซึ่งเป็นข้อมูลแบบข้อความและรูปภาพแล้วเปลี่ยนเป็นข้อมูลดิจิตอลที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ การทำงานของสแกนเนอร์จะใช้วิธีการฉายแสงลงไปบนเอกสารนั้นตรวจจับแสงที่สะท้อนกลับลงมาแล้วเปลี่ยนปริมาณแสงที่สะท้อนกลับมาให้เป็นข้อมูลดิจิตอล โดยตรวจจับความเข้ม แสงนี้เรียกว่า CCD (Charge Coupled Device)
สำหรับในปัจจุบันได้มีอุปกรณ์ในลักษณะสแกนเนอร์อีกประเภทหนึ่งที่พกพาได้สะดวก สามารถปรับเปลี่ยนข้อมูลบนกระดาษเป็นตัวอักขระได้ทันที บางรุ่นยังสามารถใช้แปลภาษาได้อีกด้วย
อุปกรณ์ควบคุมเกมส์

ปัจจุบันได้มีโปรแกรมเกิดขึ้นบนคอมพิวเตอร์จำนวนมาก ในการเล่นเกมส์หากใช้คีย์บอร์ดเป็นอุปกรณ์อินพุตที่ควบคุมการเล่นเกมส์อาจทำได้ไม่สะดวกนัก จึงมีการผลิตอุปกรณ์ควบคุมเกมส์ (game controller) ออกมา ทำให้สามารถควบคุมทิศทางและการดำเนินการต่างๆ ของสิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้โดยง่ายุปกรณืประเภทนี้ได้แก่ จอยสติก (joystick)หรือก้านควบคุม ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมมาก สามารถใช้ควบคุมทิศทางการเดิน ซ้าย-ขวา เดินหน้า-ถอยหลัง ได้โดยการโยกก้านควบคุมและยังมีปุ่มรับคำสั่งเพิ่มเติมอีกด้วย นอกจากนี้ยังมี เกมเพด (gamepad) ที่ตอบสนองการทำงานได้เร็วขึ้น สำหรับเกมส์ประเภทเต้นจะมีอุปกร์ที่ชื่อว่า นแพด (dance pad) โดยผู้เล่นสามารถขึ้นไปเต้นบนอุปกรณ์ประเภทนี้ได้ซึ่งจะทำงานสอดคล้องกับดนตรีของเกมส์
อุปกรณ์รับเสียง

หากอินพุตเป็นข้อมูลหรือคำสั่งต่างๆ จะใช้คีย์บอร์ดเป็นอุปกรณ์อินพุต แต่ถ้าหากเป็นเสียงจะตองใช้ไมโครโฟนหรืออุปกรณ์พิเศษในการรับข้อมูลประเภทเสียง โดยไมโครโฟนจะถูต่อเข้าทางการ์ดเสียงของเครื่องคอมพิวเตอร์ เมื่อมีการับนทึกเสียงเข้าไปจะได้ข้อมูลในรูปแบบของไฟล์เสียง สำหรับไฟล์ที่เป็นมาตรฐานจะมีนามสกุลเป็น .wav ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาโปรแกรมสำหรับรู้จำเสียง (voice recognition system) ขึ้นมาทำให้สามารถสั่งงานทางเสียงได้ สร้างไฟล์เอกสารด้วยเสียงได้ โปรแกรมที่ได้รับความนิยมตัวหนึ่งได้แก่ Dragon Naturally Speaking ซึ่งสามารถสร้างข้อมูลตัวอักษรหรือคำสั่งจากเสียงที่อินพุตเข้าไปทางไมโครโฟนได้ ข้อมูลเสียงนั้นหากเป็นเสียงทั่วๆไป ไฟล์ที่ได้จากการเจ็บข้อมูลเสียงจะมีขนาดใหญ่มาก โดยจะเก็บเป็นไฟล์นามสกุล .wav ซึ่งเป็นไฟล์มาตรฐานบนระบบปฏิบัติการ Windows หากเป็นเสียงดนตรีมักจะใช้ไฟล์ในรูปแบบของมิดี้ (MIDI) ซึ่งมาจากคำว่า Musical Instrumant Digital Interface ซึง่เป็นมาตรฐานในการเชื่อมต่อเครื่องดนตรีแบบดิจิตอล ไฟล์มิดี้จะมีขนาดเล้กเนื่องจากไฟล์จะเก็บเฉพาะข้อมูลที่มีเฉพาะรูปแบบของเสียง ความดัง และชนิดเครื่องดนตรี ส่วนเสียงจะนำมาจากเครื่องดนตรีนั้นๆ หรือเสียงที่กักเก็บอยู่บนการ์ดเสียงของเครื่องคอมพิวเตอร์
เครื่องอ่านบาร์โค้ด

เครื่องอ่านบาร์โค้ด (bar code reader) เป็นอุปกรณ์ที่ฉายแสงไปบนแถมสีดำ จากนั้นตรวจจับแสงที่สะท้อนกลับมา โดยแถมสีดำและขาวมีความกว้างแตกต่างกันจะแทนค่าข้อมูลดิจิตอลที่ต่างกัน แถบสีขาวและดำมีความกว้างมากจะแทนค่า "1"ถ้ามีความกว้างน้อยจะแทนค่า"0" ทำให้ระบบนำข้อมูลที่ได้ไปตรวจสอบกับฐานข้อมูลที่มีอยู่ ก็สามารถทำให้ทราบได้ว่าข้อมูลบนบาร์โค้ดติดอยู่นั้นเป็นข้อมูลอะไร เครื่องอ่านบารืโค้ดมีอยู่หลายประเภท การเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์จะเชื่อมต่อผ่านทางพอร์ต USB บางรุ่นยังเสียบผ่านทางคีย์บอรืดได้ด้วย
กล้องดิจิตอล

กล้องดิจิตอล (digital camera) ถือว่าเป็นอุปกรณ์อินพุตประเภทหนึ่ง เนื่องจากสามารถใช้บันทึกภาพเป็นข้อมูลดิจิตอลเพื่อให้คอมพิวเตอรืนำไปประมวลผลได้ การทำงานของกล้อง(resolution) ซึ่งเป็นจำนวนจุดภาพ (pixel) หรือพิกเซลในแนวนอนและแนวตั้ง พิกเซลนี้จะเป็นจุดเล็กๆที่อยุ่บนภาพ ในการบอกความละเอียดของภาพจะบอกเป้นจำนวนจุดทั้งหมด อย่างเช่น กล้องดิจิตอลแบบ 3 ล้านพิกเซล หมายความว่าภาพถ่ายหนึ่งภาพจะได้ข้อมูลมาประมาณ 3 ล้านพิกเซล หรือแบบ 16 พิกเซล เป็นต้น การถ่ายภาพที่มีพิกเซลจำนวนมากจะทำให้ได้ภาพที่ละเอียดและมีภาพขนาดใหญ่ ในการเลือกถ่าย ภาพควรเลือกจำนวนพิกเซลให้เมาะสมกับงาน ตัวอย่างเช่นภาพแบบ 4 ล้านพิกเซล เหมาะสำหรับอัดรูปขนาด 4x6 นิ้ว ภาพแบบ 5 ล้านพิกเซล เหมาะสำหรับอัดรูปขนาด 8x10 นิ้ว เป็นต้น
ในการแสดงภาพจากกล้องดิจิตอลจะบอกเป็นจำนวนจุดเช่น 2304 x 1728 หมายความว่ามีจุดภาพในแนวตั้ง 2,304จุด และมีจุดภาพแนวนอน 1,728 จุด เป็นต้น(จะพบว่าภาพนี้มีขนาด 4 ล้านพิกเซล เนื่องจากค่า 2304 คูณกับ 1728 มีค่าใกล้เคียงกับ4 ล้าน)
สำหรับคุณภาพอีกอย่างหนึ่งของกล้องดิจิตอลก็คือหนึ่งจุดภาพนั้นเพิ่มความละเอียดเป็นข้อมูลดิจิตอลขนากี่บิต
นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีอุปกรณ์เก้บภาพประเภทกล้องดิจิตอลวิดีโอ (digital video) สำหรับบันทึกภาพเคลื่อนไหวเก็บเป็นไฟล์คอมพิวเตอร์ กล้องเว็บแคม (web cam) สำหรับบันทึกไฟล์วิดีโอแล้วส่งผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้อีกด้วย ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับโปรแกรมสำหรับประชุมทางไกลได้
อุปกรณ์ประมวลผล(PROCESS DEVICE)
อุปกรณ์ประมวลผล ทำหน้าที่ในการควบคุมการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผล จะประกอบด้วย
1. ซีพียู (CPU) คือ อุปกรณ์ตัวหนึ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นในการทำงานของคอมพิวเตอร์ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็นหัวใจของคอมพิวเตอร์เลยก็ได้ ซีพียู เป็นตัวควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ

2. Rom เป็นหน่วยความจำแบบสารกึ่งตัวนำชั่วคราวชนิดอ่านได้อย่างเดียว ใช้เป็นสื่อบันทึกในคอมพิวเตอร์ เพราะไม่สามารถบันทึกซ้ำได้

3. Ram หน่วยความจำแรม ทำหน้าที่เก็บชุดคำสั่งและข้อมูลที่ระบบคอมพิวเตอร์กำลังทำงานอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้าข้อมูล (Input) หรือ การนำออกข้อมูล (Output)

4. เมนบอร์ด (Mainboard, mother board) หรือ แผงวงจรหลัก เป็นหัวใจสำคัญที่สุดที่อยู่ภายในเครื่อง เมื่อเปิดฝาเครื่องออกมาจะเป็นแผงวงจรขนาดใหญ่วางนอนอยู่

อุปกรณ์เอาต์พุต (Output Device)
หลังจากที่คอมพิวเตอร์ประมวลผลแล้วต้องการแสดงสารสนเทศออกมาจะต้องแสดงออกทางเอาต์พุตวิ่งจะนำรหัสที่คอมพิวเตอร์ประมวลผลได้มาแสดงในรุปแบบที่เอาไปใช้งานได้ เป้นรูปแบบที่มนุษย์เข้าใจ การแสดงผลของคอมพิวเตอร์ทำได้หลายรูปแบบ ได้แก่
แสดงเป็นข้อความ (text) ให้เอาต์พุตเป็นตัวอักษร ในรูปแบบของรายงาน ข่าวสารต่างๆ
แสดงผลเป็นภาพ (graphics) โดยให้ข้อมูลเป็นภาพ กราฟ ผังต่างๆ เป็นต้น
แสดงผลเป็นเสียง (audio) อาจเป็นเสียงเพลง เสียงประกอบเกมส์ เป็นต้น
แสดงผลเป็นวิดีโอ (video) โดยแสดงเป็นไฟล์วิดีโอออกมาทางหน้าจอ
* ไม่ว่าการแสดงผลจะออกมาในรูปแบบใดจะต้องมีอุปกรณ์แสดงผล (display device) ต่ออยู่ทางพอร์ดเอาต์พุตของคอมพิวเตอร์ อุปกร์เอาต์พุตได้รับความนิยมมากที่สุดได้แก่ จอภาพ และเครื่องพิมพ์ นอกจากนี้ยังมีเอาต์พุตแบบอื่นๆ อีก เช่น ลำโพง แฟกซ์ โมเด็ม
จอภาพ

จอภาพเป็นอุปกรณ์เอาต์พุตที่นิยมใช้กันมากที่สุด ผลลัพธ์ที่ได้จากจอภาพจะเรียกว่า ซอร์ฟก๊อปปี้ เนื่องจากเป็นการแสดงผลเพียงชั่วคราว ไม่สามารถเก็บไว้ใช้งานได้ จอภาพในปัจจุบันสามารถแสดงเป็นสีได้ ซึ่งเกิดจากการผสมสีระหว่างสีแดง สีเขียว และสีน้ำเงิน
เครื่องพิมพ์ (Printer)

การแสดงผลทางเครื่องพิมพ์เป็นการแสดงผลแบบถาวร สามารถเก็บไว้ใช้ต่อไปนี้ ในปัจจุบันเครื่องพิมพ์ถูกใช้สำหรับการพิมพ์เอกสารต่างๆ รวมทั้งภาพกราฟิกสวยๆ ภาพที่ถ่ายจากกล้องดิจิตอล จนกลายเป็นอุปกรณืที่คอมพิวเตอร์แทบทุกเครื่องจะต้องมี
อุปกรณ์ส่งเสียง (Speaker)

ใช้สำหรับแสดงเสียงที่ได้จากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยทั่วไปแล้วจะใช้ลำโพง ซึ่งมักจะอยู่ในชุดมัลติมีเดียของคอมพิวเตอร์ เสียงที่ได้ออกมานั้นจะมีการ์ดเสียง เป็นตัวควบคุม โดยคอมพิวเตอร์จะนำไฟล์เสียงที่ได้มาประมวลผลแล้วให้การ์ดเสียงนี้เปลี่ยนข้อมูลดิจิตอลให้เป็นสัญญาณอนาลอกแล้วขยายสัญญาณท่ได้ให้ไปขับลำโพงให้ดังเป็นเสียงต่อไป
อุปกรณ์สำรองข้อมูล (Memory Device)
ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk)

เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่นิยมใช้มากที่สุด เนื่องจากมีความจุข้อมูลสูงและราคาไม่แพง ถือเป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลหลักที่จำเป็นต้องมีในเครื่องคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นแผ่นโลหะกลมเคลือบด้วยแถบแม่เหล็กหลายแผ่นซ้อนกัน ติดตั้งอยู่ในเคสร่วมกับแผงวงจรหลัก หน่วยความจำ และหน่วยประมวลผลกลาง(CPU) เพื่อบันทึกข้อมูลและโปรแกรม มีความจุข้อมูลมากกว่าอุปกรณ์บันทึกข้อมูลรูปแบบอื่นๆ และสามารถเรียกค้นข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
แผ่นบันทึกข้อมูล (Floppy Disk)

ฟลอปปี้ดิสก์ หรือที่นิยมเรียกว่า แผ่นดิสก์ หรือ ดิสเกตต์ เป็นแผ่นแถบแม่เหล็กบรรจุอยู่ในตลับพลาสติก แผ่นบันทึกข้อมูลแต่ละแผ่นมีความจุข้อมูลประมาณ 1.44 เมกะไบต์ (megabyte) สามารถใช้บันทึกข้อมูลหรือแก้ไขข้อมูลได้สะดวกรวดเร็ว ทั้งแฟ้มข้อมูลที่เป็นตัวอักษร ตัวเลข ตารางและแผนภูมิ แต่ไม่เหมาะที่จะนำมาบันทึกข้อมูลเสียงหรือภาพ เพราะเป็นอุปกรณ์ที่บันทึกข้อมูลได้น้อย โดยทั่วไปจึงนิยมใช้แผ่นบันทึกเก็บสำรองแฟ้มข้อมูล เพื่อพกพาไปใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องอื่น
การใช้งานแผ่นดิสก์จำเป็นต้องใช้งานควบคู่ไปกับตัวอ่านและตัวเขียนข้อมูลที่เรียกว่า ไดรฟ์ (Drive) หรือ ฟลอปปี้ดิสก์ไดรฟ์ (Floppy Disk Drive) ซึ่งเป็นไดรฟ์ที่ใช้กับฟลอปปี้ดิสก์นั่นเอง
แผ่นซีดี (Compact Disc : CD)

เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่มีลักษณะภายนอกเป็นวัตถุทรงกลม ทำมาจากแผ่นพลาสติกอะลูมิเนียมเคลือบด้วยสารสะท้อนแสง มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4.75 นิ้ว ด้านที่ใช้บันทึกข้อมูลจะมีสีเป็นสีเงินแวววาวมีความจุข้อมูลได้ประมาณ 600-700 เมกะไบต์ ใช้เก็บข้อมูลประเภทรูปภาพ ข้อความ ข่าวสาร เสียง รวมทั้งภาพเคลื่อนไหวไว้ในแผ่น ซึ่งพร้อมนำมาใช้ และดูได้ทันที ข้อมูลที่ถูกบันทึกลงในแผ่นซีดี สามารถเรียกใช้งานหรืออ่านได้เพียงอย่างเดียว (Read Only) ไม่สามารถแก้ไขเพิ่มเติมหรือลบข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้แล้วได้ เรียกว่า แผ่นซีดีอาร์ (CD-R) แต่ในปัจจุบันมีแผ่นซีดีอาร์ดับบลิว (Compact Disc Rewritable: CD-RW) ที่พัฒนามาจากแผ่น CD-R ซึ่งสามารถลบและแก้ไขข้อมูลที่บันทึกไปแล้วได้ แต่มีราคาแพงกว่า CD-R ทั่วไป
แผ่นดีวีดี (Digital Versatile Disc : DVD)

เป็นแผ่นพลาสติกกลมเคลือบด้วยสารสะท้อนแสงเช่นเดียวกับซีดีรอม เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่นิยมนำมาใช้บันทึกภาพยนตร์ซึ่งมีข้อมูลภาพ เสียง และเพลงจำนวนมาก เพราะมีความจุสูง แผ่นดีวีดี 1 แผ่นมีความจุข้อมูลสูงถึง 4.7 กิกะไบต์ และ 8.5 กิกะไบต์ (gigabyte) แผ่นดีวีดีมีทั้งแบบบันทึกข้อมูลแล้ว ไม่สามารถแก้ไขข้อมูลได้ เรียกว่า แผ่นดีวีดีอาร์ (DVD-R) และแผ่นดีวีดีที่สามารถบันทึกข้อมูลได้หลายครั้ง เรียกว่า แผ่น ดีวีดีอาร์ดับบลิว (DVD-RW)
หน่วยความจำแบบแฟลช (Flash Memory)

เป็นอุปกรณ์ที่สามารถบันทึกข้อมูลได้เหมือนฮาร์ดดิสก์ คือ สามารถเขียนและลบข้อมูลได้ตามต้องการ และเก็บข้อมูลได้แม้ไม่ได้ต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ มีน้ำหนักเบา ขนาดเล็กพกพาได้สะดวก ความจุข้อมูลของหน่วยความจำแบบแฟลชมีให้เลือกหลายขนาด ซึ่งขนาดความจุมากจะมีราคาแพงขึ้นตามลำดับ
การใช้งานต้องนำส่วนยูเอสบีของหน่วยความจำแบบแฟลชเสียบที่ช่องพอร์ตยูเอสบีที่ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ จากนั้นรอจนหน้าคอมพิวเตอร์ปรากฏสัญลักษณ์หน่วยความจำแบบแฟลชที่เชื่อมต่อไว้ แล้วจึงบันทึกข้อมูลลงไป
หน่วยความจำแบบแฟลชมีชื่อเรียกหลายอย่าง เช่น แฮนดีไดร์ฟ (Handy Drive) ยูเอสบีไดร์ฟ (USB Drive) ทัมบ์ไดร์ฟ (Thumb drive) เป็นต้น ขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ผลิตและมีรูปร่างลักษณะที่แตกต่างกันไป แต่ส่วนที่เหมือนกันคือ ยูเอสบี สำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปที่ Twitterแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น