อินเทอร์เน็ต
องค์ประกอบระบบอินเทอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ต (Internet) คือ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์อย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ นาดยักษ์ที่เชื่อมต่อกันทั่วโลก โดยมีมาตรฐานการรับส่งข้อมูลระหว่างกันเป็นหนึ่งเดียว คอมพิวเตอร์แต่ละ เรื่องสามารถรับส่งข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ตัวอักษร ภาพ และเสียงได้ รวมทั้งสามารถที่จะทําการ คนหาข้อมูลจากที่ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
อินเทอร์เน็ต ประกอบไปด้วยองค์ประกอบ 2 ส่วน คือ
1. เครือข่ายที่เชื่อมคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน
2. ข้อมูลที่คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องเก็บเอาไว้ พร้อมกับมีความสามารถที่ช่วยให้เราค้นหาข้อมูล ต้องการได้ในเวลาอันสั้น
2. ข้อมูลที่คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องเก็บเอาไว้ พร้อมกับมีความสามารถที่ช่วยให้เราค้นหาข้อมูล ต้องการได้ในเวลาอันสั้น
ฉะนั้นอินเทอร์เน็ตจึงมีประโยชน์สําหรับยุคสังคมข่าวสารอย่างเช่นปัจจุบันอย่างมาก ถ้าขาดสิ่งใด หนึ่งไปอินเทอร์เน็ตก็แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย เช่น ถ้ามีแต่เครือข่ายคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว ขาดข้อมูลที่มีประโยชน์ หรือไม่สามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการจากเครือข่ายนั้นได้ ก็จะไม่ได้อะไรจาก อขาย ในทางกลับกัน ถ้ามีข้อมูลมากมาย แต่มีคอมพิวเตอร์ไม่กี่เครื่องเท่านั้นที่สามารถเรียกใช้งานข้อมูล
สาเหล่านั้นย่อมไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ ให้เท่าที่ควร
สิ่งสําคัญอีกอย่างหนึ่งที่จะกล่าวถึง คือ อินเทอร์เน็ตมีมาตรฐานการรับส่งข้อมูลที่ชัดเจนและเป็น วันหนึ่งอันเดียวกัน ทําให้การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์คนละชนิด คนละแบบ เป็นไปได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะ เป็นเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ มินิคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น PC แมคอินทอช หรือเครื่องแบบใด ๆ ก็ตาม ซึ่งโดยทั่วไปแล้วคอมพิวเตอร์ที่ประกอบกันเข้าเป็นเครือข่ายหลักของอินเทอร์เน็ต มักจะเป็นระบบเครือขายของมินิคอมพิวเตอร์หรือระบบเครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network หรือ LA) และเครือข่ายของเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ บางคนจึงเรียกอินเทอร์เน็ตว่าเป็น “เครือข่ายของเครือข่าย คอมพิวเตอร์” (Network of Networks) ส่วนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั้งหลายนั้นมักจะไม่ได้ต่ออยู่กับ อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา เพียงแต่เชื่อมต่อเข้าไปเป็นครั้งคราวตามความต้องการใช้งานเท่านั้น
โพรโตคอล (Protocol) คือ ตัวกลาง หรือภาษากลางที่ใช้เป็นมาตรฐานสําหรับการสื่อสารในระบบ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อใช้ติดต่อสื่อสารเชื่อมโยงกันระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์นับร้อยล้านเครื่อง ซึ่ง แต่ละเครื่องมีความแตกต่างกันทั้งรุ่นและขนาดของคอมพิวเตอร์ ถ้าขาดโพรโตคอลก็จะไม่สามารถที่จะ ติดต่อสื่อสารให้เข้าใจกันได้ เพราะฉะนั้นโพรโตคอลก็เปรียบเหมือนเป็นล่ามที่ใช้แปลภาษาของระบบเครือข่าย อินเทอร์เน็ต มาตรฐานนี้เรียกว่า TCP IP การทํางานของ TCP/IP จะแบ่งข้อมูลที่จะส่งออกเป็นส่วนย่อย ๆ เรียกว่า แพ็กเก็ต (Packet) แล้วส่งไปตามเส้นทางต่าง ๆ ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยจะกระจายแพ็กเก็ต ออกไปหลายเส้นทาง แพ็กเก็ตเหล่านี้จะไปรวมกันที่ปลายทาง และถูกนํามาประกอบรวมกันเป็นข้อมูลที่ สมบูรณ์อีกครั้ง
ไอพีแอดเดรส (IP Address) คือ หมายเลขประจําเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งประกอบด้วยตัวเลข 4 ชุด มีเครื่องหมายจุด (.) ขึ้นระหว่างชุด เช่น 193.167.15.1 เป็นต้น ตัวเลขแต่ละชุดจะมีค่าได้ตั้งแต่ 0-255 คอมพิวเตอร์ ที่มีไอพีแอดเดรสเป็นของตัวเองและใช้เป็นที่เก็บเว็บเพจเราเรียกว่า เซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือโฮสต์ (Host) ส่วนองค์กรหรือผู้ควบคุมดูแลและจัดสรรหมายเลขไอพีแอดเดรส เราเรียกว่า อินเทอร์นิก InterNIC)
หมายเลข IP Address ที่ใช้กันทุกวันนี้ คือ Internet Protocol Version 4 (IPv4) ทั้งนี้การขยายตัว ของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในช่วงที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว พบว่าจํานวนหมายเลข IP Address ของ IPv4 กําลังจะถูกใช้หมดไป ไม่เพียงพอกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตในอนาคต จึงได้มีการพัฒนา อินเทอร์เน็ตโพรโตคอลรุ่นใหม่ขึ้น คือ รุ่นที่หก (Internet Protocol Version 6 ; IPv6) เพื่อทดแทนอินเทอร์เน็ต
1. ด้านการศึกษา สามารถที่จะต่อเข้าไปยังระบบอินเทอร์เน็ตเพื่อค้นคว้าหาข้อมูลต่าง ๆ ได้ ไม่ เป็นข้อมูลทางวิชาการจากที่ต่าง ๆ ซึ่งในกรณีนี้อินเทอร์เน็ตจะทําหน้าที่เหมือนห้องสมุดขนาดยักษ์
เราต้องการมาให้ถึงบนจอคอมพิวเตอร์ที่บ้านหรือที่ทํางานได้ภายในเวลาไม่กี่วินาทีจากแหล่งข้อมูลทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม ศิลปกรรม สังคมศาสตร์ กฎหมายและ อื่น ๆ นักวิจัยอาจสั่งให้เปอร์คอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยทําการประมวลผลข้อมูลของตนแล้วส่งรายงาน กลับมาให้ได้ แม้ว่าเขาจะอยู่ในห้องทดลองที่อย่าห่างออกไปหลายพันกิโลเมตร โดยใช้บริการของอินเทอร์เน็ต นักศึกษาในมหาวิทยาลัยสามารถติดต่อกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เพื่อค้นหาข้อมูลที่กําลังศึกษาอยู่ได้ ทั้ง ข้อมูลที่เป็นตัวอักษร ภาพและเสียง หรือมัลติมีเดียต่าง ๆ
2. ด้านการรับส่งข่าวสาร ผู้ใช้ที่ต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตสามารถรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ - กาail กับผู้ใช้คนอื่น ๆ ทั่วโลกในเวลาอันรวดเร็วได้โดยมีค่าใช้จ่ายต่ํามาก เมื่อเทียบกับการส่งจดหมายหรือ ส่งข้อมูลวิธีอื่น ๆ นอกจากนั้นยังอาจส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น แฟ้มข้อมูล รูปภาพ ไป จนถึงข้อมูลแบบมัลติมีเดียที่เป็นภาพและเสียงได้อีกด้วย หรืออาจก็อปปีแฟ้มข้อมูลที่เป็นโปรแกรม คอมพิวเตอร์ซึ่งแจกฟรีจากที่ต่าง ๆ มาทดลองใช้งานก็ได้
3. ด้านธุรกิจการค้า อินเทอร์เน็ตมีบริการในรูปแบบของการซื้อขายสินค้าผ่านคอมพิวเตอร์ หรือ Teleshoppig สามารถที่จะเลือกดูสินค้าพร้อมทั้งคุณสมบัติต่าง ๆ ผ่านจอคอมพิวเตอร์แล้วสั่งซื้อ และจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตได้ทันที นับเป็นความสะดวกรวดเร็วมาก สินค้าที่มีจําหน่ายก็มีครบทุกประเภท เหมือนกับห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ บริษัทต่าง ๆ จึงมีการลงโฆษณาขายสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ตกันมาก ขึ้น ทําให้ธุรกิจลักษณะนี้มีเพิ่มขึ้นเป็นลําดับ นับเป็นการใช้งานอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์อย่างจริงจังจน บางแห่งถึงกับจัดทําแค็ตตาล็อกอิเล็กทรอนิกส์เตรียมไว้ให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าก็มี อย่างไรก็ตาม การซื้อ สินค้าผ่านอินเทอร์เน็ตนี้จะสะดวกสําหรับผู้ที่มีบัตรเครดิต ส่วนผู้ที่ไม่มีก็ทําได้ลําบาก ถ้าเป็นสินค้าที่สั่งซื้อ จากผู้ขายที่อยู่ต่างประเทศ สําหรับในประเทศไทยการซื้อสินค้าแบบนี้ยังไม่เป็นที่นิยมแพร่หลายมากนัก นอกจากนี้ ผู้ใช้ที่เป็นบริษัทหรือองค์กรต่าง ๆ ก็สามารถเปิดให้บริการและสนับสนุนลูกค้าของตนผ่าน
อินเทอร์เน็ตได้ เช่น การตอบคําถามหรือข้อสงสัยต่าง ๆ ให้คําแนะนํา รวมถึงการให้ข่าวสารใหม่ ๆ แก่ ลูกค้าได้ รวมทั้งถ้าเป็นสินค้าที่เกี่ยวกับซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ก็อาจแจกจ่ายตัวโปรแกรม ทั้งตัวจริง ตัวทดลอง (Demo) ตัวแก้ไข (Patch or Fix) และแม้กระทั่งเวอร์ชั่นใหม่ ๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ได้โดยตรงอีกด้วย
4. ทางด้านบันเทิง ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ที่ผู้ใช้ได้รับมากที่สุดด้านหนึ่ง นอกจากความบันเทิง แล้วยังเป็นการพักผ่อนหย่อนใจหรือสันทนาการ เช่น การเลือกอ่านวารสารต่าง ๆ ที่ชื่นชอบผ่าน อินเทอร์เน็ตหรือที่เรียกกันว่าเป็น Magazine แบบ Online รวมถึงหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่น ๆ โดยมี ภาพประกอบบนจอคอมพิวเตอร์เหมือนกับปกที่ดูอยู่ทุกวันเกือบทุกประการ ซึ่งขณะนี้มีบริการรับสมัคร สมาชิกผ่านอินเทอร์เน็ตและให้สมาชิกเรียกดูวารสารได้ตามที่สมัคร ผู้ผลิตวิดีโอ ภาพยนตร์ลงโฆษณาและ ตัวอย่างหนึ่งใหม่ ๆ ในอินเทอร์เน็ตให้ผู้สนใจก็อปปี้แฟ้มข้อมูลที่เป็นตัวอย่างหนังสือหรือภาพเคลื่อนไหวและ เสียงไปดได้ด้วย ซึ่งนับเป็นบริการที่น่าสนใจไม่น้อย จะเห็นได้ว่าอินเทอร์เน็ตได้ปฏิวัติสังคมข่าวสารให้ พัฒนารุดหน้าไปมากและให้ประโยชน์กับผู้ใช้อย่างมากมายมหาศาล อาจกล่าวได้ว่าในยุคต่อไปอาจไม่มี คอมพิวเตอร์เครื่องใดที่ไม่ได้ต่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ต และบริการต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ตก็มีการพัฒนาให้ดีขึ้น ตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย
บริการต่าง ๆ ในระบบอินเทอร์เน็ต
เครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นเครือข่ายที่มีการเชื่อมโยงกันไปทั่วโลก ในแต่ละเครือข่ายก็จะมีเครื่อง คอมพิวเตอร์ที่ทําหน้าที่เป็นผู้ใช้บริการ ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็น เซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือ โฮสต์ (Host) เชื่อมต่อ อยู่เป็นจํานวนมาก ระบบคอมพิวเตอร์เหล่านี้จะให้บริการต่าง ๆ แล้วแต่ลักษณะและจุดประสงค์ที่เจ้าของ เครือข่ายนั้นหรือเจ้าของระบบคอมพิวเตอร์นั้นตั้งขึ้นในอดีตมักมีเฉพาะบริการเรื่องข้อมูลข่าวสารและ โปรแกรมที่ใช้ในแวดวงการศึกษาวิจัยเป็นหลัก แต่ในปัจจุบันก็ได้ขยายเข้าสู่เรื่องของการค้าและธุรกิจแทบ จะทุกด้าน บริการต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ตโดยสามารถแบ่งได้เป็นหมวดได้ดังนี้
1. เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web : WWW)
เวิลด์ไวด์เว็บ หรือเครือข่ายใยแมงมุม คือ บริการค้นหาและแสดงข้อมูลแบบมัลติมีเดียบน อินเทอร์เน็ตทุกประเภท ซึ่งข้อมูลและสารสนเทศอาจจัดอยู่ในรูปแบบของข้อความ รูปภาพ เสียง หรือ วิดีโอก็ได้ ข้อดีของบริการประเภทนี้คือ สามารถเชื่อมโยงไปยังเว็บเพจหน้าอื่น หรือเว็บไซต์อื่นได้ง่าย เพราะใช้วิธีการของไฮเปอร์เท็กซ์ (Hypertext) กล่าวคือ จะมีข้อความหรือรูปภาพที่สามารถเชื่อมโยงไปยัง เอกสารหรือข้อมูลอื่น ๆ ได้โดยตรง โดยมีการทํางานแบบไคลเอนท์/เซิร์ฟเวอร์ (Client/Server) ซึ่งผู้ใช้ สามารถค้นหาข้อมูลจากเครื่องที่ให้บริการซึ่งเรียกว่า เว็บเซิร์ฟเวอร์ โดยอาศัยโปรแกรมที่ใช้ดข้อมูลเว็บ เบราว์เซอร์ (Web Browser) เช่น WWW.sanook.com ที่สามารถค้นหาและเชื่อมโยงไปส่ข้อมูลต่าง ๆ ได้ เช่น ข่าว วาไรตี้ เกมส์ กีฬา เป็นต้น
2. จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail)
จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือนิยมเรียกกันทั่วไปว่า “อีเมล์” (E-mai) เป็นรูปแบบการติดต่อสื่อสาร ระหว่างกันและกันบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มีประสิทธิภาพมากที่สุด สามารถส่งข้อความไปยังสมาชิกที่ ติดต่อด้วย โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที และสามารถแนบไฟล์ข้อมูลไปพร้อมกับจดหมายได้อีกด้วย ในการ รับ-ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์นั้นจะต้องมีที่อยู่ในการจัดส่งเช่นเดียวกับการส่งจดหมายปกติ ซึ่งที่อยู่ของ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์เรียกว่า E-mail Address
3. การโอนย้ายข้อมูล (FTP : File Transfer Protocol)
เป็นรูปแบบการติดต่อสื่อสารข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอีกรูปแบบหนึ่ง ใช้สําหรับการ โอนย้ายข้อมูลระหว่างผู้ใช้โปรแกรม FTP กับ FTP Server การโอนย้ายไฟล์จาก FTP Server มายังเครื่อง ของผู้ใช้ เรียกว่า ดาวน์โหลด (Download) และการโอนย้ายไฟล์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ไปยัง FTP Server เรียกว่า อัพโหลด (Upload) ปัจจุบันการโอนย้ายข้อมูล หรือ FTP ใช้กันอย่างแพร่หลาย และแต่ละแห่งจะมีการบริการข้อมูลแตกต่างกันไป แต่โดยปกติแล้วในการโอนย้ายข้อมูลจะต้องมีการ อนุญาตให้ใช้บริการ แต่ในปัจจุบันมีเครือข่ายหลายแห่งที่เปิดบริการให้ผู้ใช้ภายนอกสามารถถ่ายโอนข้อมูล โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
4. การสืบค้นข้อมูล (Search Engine)
การสืบค้นข้อมูล คือ บริการที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต โดยครอบคลุมทั้งข้อความ ปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เพลง ซอฟต์แวร์ แผนที่ ข้อมูลบุคคล กลุ่มข่าว และอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างกันไปแล้วแต่ โปรแกรมหรือผู้ให้บริการแต่ละราย โดยพิมพ์ข้อความที่ต้องการสืบค้นเข้าไป โปรแกรมจะทําการค้นหา ข้อมูลที่ต้องการให้ แล้วแสดงผลลัพธ์ขึ้นมา โปรแกรมประเภทนี้เรียกว่า Search Engines เว็บไซต์ที่ ทําหน้าที่เป็น Search Engines มีอยู่เป็นจํานวนมาก เช่น Google, Yahoo, Sanook เป็นต้น
5. การสนทนากับผู้อื่นบนอินเทอร์เน็ต (Chat)
จะคล้ายกับการใช้โทรศัพท์แต่แตกต่างกันที่ เป็นการสื่อสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะใช้ ไมโครโฟนและลําโพงที่ต่ออยู่กับคอมพิวเตอร์ในการสนทนา ปัจจุบันมีโปรแกรมมากมายให้เลือกใช้ เช่น Spe, Google Talk, Pattalk เป็นต้น ซึ่งผู้ใช้ต้องดาวน์โหลดโปรแกรมเหล่านี้ แล้วทําการติดตั้งโปรแกรม โดยผู้ใช้งานต้องมี E-mail และทําการตั้งชื่อและรหัสผ่านเพื่อเข้าใช้งาน ปัจจุบันนอกจากจะติดต่อสื่อสาร ด้วยการพูดคุยด้วยเสียงแล้ว ยังสามารถเห็นหน้าตาผู้สนทนาได้อีกด้วย โดยผ่านทางกล้องหรือ Web Camera
6. กระดานข่าวอิเล็กทรอนิกส์ (News Group or Use Net)
เป็นบริการกระดานข่าวอิเล็กทรอนิกส์ สําหรับผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร และแสดงความคิดเห็นลงไปบริเวณกระดานข่าวได้มีการแบ่งกลุ่มผู้ใช้ออกเป็นกลุ่ม ๆ ซึ่งแต่ละ กลุ่มจะสนใจเรื่องราวที่แตกต่างกันไป เช่น การศึกษา การท่องเที่ยว การอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม การเกษตร และอุตสาหกรรม เป็นต้น
7. การสื่อสารด้วยข้อความ IRC (Internet Relay Chat)
เป็นการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น โดยการพิมพ์ข้อความโต้ตอบกัน ซึ่งจํานวนผู้ร่วมสนทนาอาจม หลายคนในเวลาเดียวกัน ทุกคนจะเห็นข้อความที่แต่ละคนพิมพ์เหมือนกับว่ากําลังนั่งสนทนาอยู่ในห้อง เดียวกัน โปรแกรมที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารได้แก่ Window Live Messenger, Yahoo Messenger, IC เป็นต้น ปัจจุบันภายในเว็บไซต์ยังเปิดให้บริการห้องสนทนาผ่านทางโปรแกรมเว็บเบราเซอร์ได้อีกด้วย
8. สังคมออนไลน์ (Social Network)
สังคมออนไลน์ คือ สังคมที่จะช่วยให้คุณหาเพื่อนบนโลกอินเทอร์เน็ตได้ง่าย ๆ เราสามารถที่จะสร้าง พื้นที่ส่วนตัวขึ้นมาเพื่อแนะนําตัวเองได้ รวมทั้งทําการติดต่อสื่อสารกับเพื่อนได้หลายช่องทางทั้งการ Chat การแชร์รูป การแชร์วิดีโอ การนัดหมาย นอกจากนี้ยังสามารถทําธุรกิจบนสังคมออนไลน์ได้เช่นกัน ทั้งด้าน การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์ เป็นต้น โดยในปัจจุบันมีเว็บ SNS (Social Network Site) มากมาย เช่น Hi5, Friendster, My Space, Face Book, Google, Twitter เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น